Case study : แก้ไขเคส Compound Hyperopic Astigmatism and Presbyopia ด้วย Progressive Lens

 

เคสนี้เป็นเคสของ  " หม่อมแม่ " ของขิงเอง  พึ่งมีโอกาสได้เขียนวันนี้

แม่ขิงอายุ 58 ปี  ในชีวิตไม่เคยใส่แว่นมาก่อนเลย แล้วแม่ก็ไม่เคยบ่นว่ามีปัญหาในการมองเห็นอะไร  แต่สังเกตุอยู่เป็นประจำว่าเวลาแม่มองอะไร จะต้องหรี่ตาอยู่เสมอ  หรี่ตาจนตีนกาขึ้นที่หางตาทั้งสองข้างของแม่เลยแหละ  และมีปัญหาลืมตาไม่ค่อยขึ้น

เมื่อก่อนแม่จะใช้สายตาในการมองไกลเป็นหลัก  เพราะทำอาชีพเป็นแม่ค้า  ว่างจากขายของก็ไปสวน ตกปลา เก็บผักตามประสาชาวสวน แต่หลังจากได้หัดเล่นโทรศัพท์แล้ว เดี๋ยวนี้ก็ใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน  เล่นต่อเนื่องประมาณครั้งละ ครึ่งถึง 1 ชั่วโมง

วันนี้ได้เปิดร้านของตัวเองก็เลยถือโอกาสนี้  จับแม่มานั่งตรวจตา ทำแว่นให้ใส่ซะเลย

 

VA ตาเปล่า ( ความสามารถในการมองเห็นด้วยตาเปล่า คนปกติอยู่ที่ 20/20 )
OD (ตาขวา) : 20/60
OS (ตาซ้าย) : 20/60

 

Retinoscope
OD : +2.50-0.75*90                   VA 20/60+2  with pinhole
OS : +2.00-0.50*90                   VA 20/50+2 with pinhole

Monocular Subjective
OD : +2.25-1.00*70                    VA 20/50 with pinhole
OS : +2.00-1.00*60                    VA 20/30 with pinhole

Best Visual Acuity
OD : +3.00-1.00*70                    VA 20/25 with pinhole
OS : +2.75-1.00*60                    VA 20/25 with pinhole

FCC ตาขวา : +2.00
FCC ตาซ้าย : +2.25
BCC  ทั้งสองตา : +1.50

Confirm hand-held Refraction บน Trial frame
OD : +2.00-1.00*70                    VA 20/25
OS : +2.75-1.25*60                    VA 20/25

 

วิเคราะห์ปัญหา

  • ในระยะไกลมีปัญหาสายตา  

ตาขวา : สายตายาวแต่กำเนิด 2.00 สายตาเอียง 1.00 ที่องศา 70
ตาซ้าย : สายตายาวแต่กำเนิด 2.75 สายตาเอียง 1.25 ที่องศา 60

* เคสของแม่ จากการสังเกตุว่าแม่ชอบหรี่ตาเวลามองจนลืมตาแทบไม่ขึ้น และรอยตีนกาของแม่ วันนี้ก็ได้คำตอบแล้วว่า มันเกิดจากการที่แม่ เป็น Hyperopia หรือสายตายาวแต่กำเนิดในปริมาณที่มากอยู่ รวมถึงมีค่าสายตาเอียงร่วมด้วยอีก 

 

ในคนที่มีปัญหา Hyperopia หรือสายตายาวแต่กำเนิด ภาพที่เห็นจะไปตกที่ด้านหลังของจอประสาทตา และเกิดเป็นภาพเบลอ หากความสามารถในการเพ่งของเลนส์ตามีมาก ก็จะสามารถดึงภาพให้มาตกที่บริเวณจอประสาทตาได้ ทำให้ปัญหานี้ไม่ได้มีผลต่อการมองเห็นเท่าไหร่ เพราะจะมีการชดเชยการมองเห็นด้วยการเพ่งหรือหรี่ตา  จนเราสังเกตุเห็นรอยตีนกา รอยย่นบริเวณหน้าผาก หรืออาจจะมีอาการล้าตาในช่วงเวลาเย็นๆได้

แต่ในคนที่มีความสามารถในการเพ่งน้อย ก็มักจะมีอาการที่เห็นได้ชัด ก็คือ ในตอนเด็กอาจจะยังมองที่ระยะไกลได้ชัดอยู่ปกติ  แต่พออายุเริ่มเพิ่มมากขึ้น อาการก็เริ่มออกมาให้เห็นคือมองไกลๆเริ่มเบลอ  หรือเบลอทั้งที่ระยะไกล และระยะใกล้ เกิดจากตามด้านบนที่บอกว่าคนที่มีปัญหาสายตายาว ภาพที่เห็นจะไปตกที่ด้านหลังของจอประสาทตา เกิดเป็นภาพเบลอ พอเลนส์ตาของเราเพ่งไม่ไหว จึงไม่สามารถดึงภาพให้กลับมาตกที่บริเวณจอประสาทตาได้  จึงทำให้คนไข้เห็นภาพเบลอทั้งที่ระยะไกลและระยะใกล้

ส่วนวิธีการตรวจ Hyperopia หรือสายตายาวแต่กำเนิดนี้ วิธีที่แน่นอนที่สุดก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจากการ  Retino ส่องไฟดู reflec จากดวงตาของคนไข้ด้วยตาของผู้ตรวจเอง ซึ่งระยะที่ใช้ตรวจจะต้องเป็นระยะที่เลนส์ตาไม่มีการเพ่ง นั่นคือที่ระยะ 6 เมตร
 retino เป็นวิธีการเดียวที่ไม่ต้องถามตอบกับคนไข้  หากเราใช้วิธีการ subjective หรือถามตอบจากคนไข้  คำว่าชัดของคนไข้นั้นอาจเป็นชัดที่มาจากการเพ่งของคนไข้ที่เป็น Hyperopia อยู่ก็เป็นได้  ดังนั้นหลังจากที่เราได้ค่าสายตาจากการทำ Subjective มาแล้วจึงต้องมีการ confirm ด้วยการทำ hand-held Refraction บน Trial frame ให้ชัวอีกที

 

  • ในระยะใกล้ มีปัญหาการเพ่งของเลนส์ตา ต้องการ Addition +1.50 D ในการช่วยให้เห็นชัดที่ระยะ 40 ซม.  ซึ่งเป็นค่าที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนทั่วไปเมื่ออายุ  58 ปี

ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจาก Nuclear Cataract สังเกตุได้จากความสามารถในการมองเห็นในแต่ละขั้นตอน ตอนทำ Refraction ไม่ค่อยคงที่  ถึงแม้จะ pinhole การมองเห็นก็ได้ไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงมีค่า Addition ที่น้อยกว่าปกติ

 

วิธีแก้ไขปัญหา

1. จ่ายแว่น Progressive lens หรือเลนส์ไร้รอยต่อ 3 ระยะ มองได้ทั้งที่ระยะไกล ระยะกลาง และระยะใกล้ เพื่อแก้ปัญหาสายตาในทุกๆระยะ

 

ค่าสายตาที่จ่ายแว่น

Full correct
OD : +2.00-1.00*70                   
OS : +2.75-1.25*60

                   

แก้ไขปัญหาโดย

เลนส์ Progressive Free Pro Netline  index 1.50
กรอบแว่นตา April  Eyewear

 

   

   

 

หลังจากจัดของยากให้แม่  แว่นตัวแรก ค่าสายตาเป็น Hyperope บวกกับมี Astigmatism อีกไม่น้อย  ไหนๆก็จะทำแล้ว ก็จัด Progressive ไปซะเลยทีเดียวจะได้ไม่ต้องถอดๆใส่ๆ

ก่อนจะได้แว่น ก็เตรียมตัวบอกแม่เอาไว้แล้วว่าใส่แรกๆ มันจะมึนหัวหน่อยนะ ใส่ปุ๊บมันอาจจะไม่ได้ชัดปั๊บแบบที่คิด เพราะมันต้องรอให้เลนส์ตาค่อยๆคลายตัว จากการที่มันเคยชินกับการเพ่งมานาน 58 ปี  

บวกกับโครงสร้างของเลนส์ Progressive เวลาหันซ้ายหันขวา จะต้องเอาจมูกหันตามไปด้วยทุกครั้ง ส่วนเวลามองโทรศัพท์หรืออ่านหนังสือต้องใช้การเหลือบลงแบบไม่ต้องก้มหน้า

 

พอได้แว่นมา
ตามประสาคนไม่เคยใส่แว่น ก็ต้องบังคับให้แม่ใส่ ใส่ครั้งแรก มึนหัวมาก ต้องใส่ๆถอดๆ ใช้เวลาปรับตัวกับแว่นกันอยู่พักใหญ่  แต่ความรู้สึกที่แม่บอกก็คือ มองไกลๆได้สบายขึ้น ไม่ต้องหรี่ตา ลืมตาได้มากขึ้น  แต่ยังมีมึนงงเวลาหันไปหันมาอยู่

เวลาผ่านไปสักพัก ที่ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง ตอนนี้กลายเป็นใส่ได้ตลอดทั้งวัน  ถ้าไม่ใส่จะมีอาการแสบตา และน้ำตาไหลออกมา ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่เลนส์ตาต้องกลับไปเพ่งมากเหมือนก่อนที่จะใส่แว่น   สรุปแล้วก็คือ ปัจจุบันแม่ใส่แว่น Progressive ตัวแรกที่ค่าสายตาอย่างโหดได้แบบสบายสบาย

   

นี่คงเป็นความสุขสุดยอดแล้วละมั้ง ที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับคนที่เรารักได้สำเร็จ  ภูมิใจสำหรับเคสนี้สุดๆไปเลยหล่ะค่ะ

 

หากท่านใดสนใจปรึกษาปัญหาสายตากับขิง ก็สามารถติดต่อได้ที่เพจ facebook : Vorada Optometry หรือนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการได้ที่เบอร์ 065-9499550

ให้บริการทุกวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 09.30 - 18.00น. *หยุดทุกวันจันทร์

ใช้เวลาในการตรวจ 1 - 2 ชั่วโมง
สำหรับคนที่สนใจทำแว่นทางร้านเราใช้เวลาในการส่งฝนและประกอบเลนส์เข้ากรอบประมาณ 10 - 14 วันนะคะ

 

 

ร้านตั้งอยู่ที่
อาคารหมายเลข  89/45 ม.3​ ต.บางกรูด​ อ.บ้านโพธิ์​ จ.ฉะเชิงเทรา​  

https://maps.app.goo.gl/VUB5EgTVntLPyGKZ9?g_st=ic

อยู่ติดกับถนนเส้น บางปะกง - ฉะเชิงเทรา
ฝั่งตรงข้าม เมกาโฮม ฉะเชิงเทรา
ใกล้กับร้าน ขนมเปี๊ยะ ซาลาเปา อึ๊งมุ่ยเส็ง สาขาบ้านโพธิ์