Case Study : การแก้ไขปัญหา Convergence Insufficiency ด้วยแว่นปริซึม : ทำไมแว่นปริซึมต้องมีองศาเฉพาะ

บทความนี้ได้ไอเดียร์การเขียนมาจากคนไข้คนหนึ่ง

เป็นคำถามที่น่าสนใจ ขิงคิดว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจนอกวิชาชีพ ที่อยากทำความเข้าใจในเรื่องของเลนส์ปริซึมให้มากขึ้น

ขอเกริ่นให้ทุกท่านฟังก่อนว่าเคสนี้เป็นคนไข้ของขิงที่เคยมาตรวจและทำแว่นไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจากตรวจเสร็จขิงได้วินิจฉัยว่าคนไข้มีปัญหา Convergence Insufficiency ตาเขออกซ่อนเร้นจากการเหลือบตาเข้าไม่เพียงพอ โดยครั้งก่อนคนไข้มาด้วยอาการ

มองไกลๆยังชัดอยู่ รู้สึกว่าตาข้างขวาเหมือนต้องใช้ระยะเวลาในการ Focus นาน มีอาการมองใกล้ไม่ชัดบ้างเวลาใช้สายตานานๆ

 

เนื่องจากคนไข้มีปัญหา Divergence Insufficiency จึงพิจารณาจ่ายเป็นแว่นปริซึมเพื่อแก้ไขปัญหา

OD : -0.75-1.25*80 Prism 1.5 BaseIn

OS : -0.75-1.00*95 Prism 1.5 BaseIn

 

#เลนส์ปริซึม คือเลนส์แว่นที่มีการเพิ่ม “ปริซึม” เข้าไปในระบบการหักเหของแสง ทำให้แสงที่เข้าสู่ดวงตาถูกเบนไปในทิศทางที่กำหนด ผลคือภาพที่ผู้สวมใส่เห็นจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของภาพ เป็นการเลื่อนตำแหน่งภาพให้มาตรงกับตำแหน่งที่ตาของคนไข้กำลังมองอยู่ ทำให้ตาไม่ต้องใช้แรงในการรวมภาพมากเท่าเดิม จึงช่วยให้คนไข้รวมภาพได้ง่ายและสบายตามากขึ้น

 

สามารถอ่านเคสเต็มได้ที่

https://voradaoptometry.com/casestudy/detail/21

 

ปัจจุบันคนไข้อายุ 40 ปี กลับมาที่ร้านอีกครั้ง

จากการซักประวัติพบว่า แว่นปริซึมตัวเก่าใส่แล้วรู้สึกตาล้าน้อยลง แต่เวลาขับรถเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตา

เวลาขับรถนานๆจะปวดหัว/เวียนหัว ช่วงกลางคืนจะยิ่งเป็นเยอะ หรือเวลามองพวกไฟกระพริบจะทำให้รู้สึกเวียนหัว รู้สึกตาล้า สมองล้า

มองใกล้ไม่ได้มีปัญหาอะไร

 

• ขั้นตอนการตรวจหาค่าสายตา

Retinoscope ( หาค่าสายตาโดยดู reflec ที่สะท้อนออกมาจากดวงตาคนไข้ )

OD : -1.00-1.25*90             VA 20/15

OS : -1.00-1.00*90             VA 20/15

Monocular Subjective ( หาค่าสายตาโดยการถามตอบจากคนไข้ทีละตา )

OD : -1.00-1.25*80             VA 20/15

OS : -1.00-0.75*105           VA 20/15

Best Visual Acuity ( หาค่าสายตาสุดท้าย และ Balance Accommodation ของทั้งสองตาโดยการถามตอบจากคนไข้ )

OD : -1.00-1.25*80             VA 20/15

OS : -1.00-1.00*105           VA 20/15

 

Confirm hand-held Refraction บน Trial frame ( รีเช็คค่าสายตาจากการดู Reflec ของแสงที่สะท้อนจากตาของคนไข้ และ รีเช็คค่าสายตาเอียงเมื่อเลนส์อยู่ในตำแหน่งที่คล้ายกับตำแหน่งใช้งานอยู่บนหน้าแว่นจริง )

OD : -1.00-1.25*95            VA 20/15

OS : -1.00-1.00*105          VA 20/15

 

• ขั้นตอนการตรวจกล้ามเนื้อตา : หาปริมาณ , ทิศทางของตาเหล่ซ่อนเร้น ( Phoria ) และแรงชดเชยในการเหลือบตาเข้าและออก ( Vergence )

Phoria & Vergence @ ระยะไกล 6 เมตร

Phoria Horizontal : 7 Base In

Vergence : BI x / 14 / 8

BO 12 / 14 / 4

Phoria Vertical : 0

 

Phoria & Vergence @ ระยะใกล้ 40 ซม.

Phoria Horizontal : 11 Base In

Vergence BI 26 / 30 / 24

BO 4 / 10 / 6

Phoria Vertical : 0

Gradient : 17.5 BI

AC/A ratio : 6.5 : 1

Associate Phoria : 7 Base In

Maddox rod : 6.5 Base In

 

• ขั้นตอนการตรวจการเพ่งของเลนส์ตา

NRA ( ความสามารถในการคลายการเพ่งของเลนส์ตา ) : +1.50

PRA ( ความสามารถในการเพ่งของเลนส์ตา ) : -2.25

BCC ( ค่า Addition ที่คนไข้ต้องการช่วยในการเพ่งให้เห็นชัดที่ระยะ 40 cm. ) : 0

 

 

วิเคราะห์ปัญหา

•  ในระยะไกลคนไข้มีปัญหาสายตาสั้นและเอียงแบบ Compound Myopic Astigmatism ในตาข้างขวา และ Simple Myopic Astigmatism ในตาข้างซ้าย

ตาขวา : สายตาสั้น -1.00 Diopter สายตาเอียง -1.25 Diopter ที่องศา 95

ตาซ้าย : สายตาสั้น -1.00 Diopter สายตาเอียง -1.00 Diopter ที่องศา 105

 

• ปัญหากล้ามเนื้อตา

ในระยะไกลและใกล้คนไข้มีปริมาณ Prism Base In ในปริมาณหนึ่ง นั่นแปลว่าคนไข้มีปัญหาตาเขออกซ่อนเร้น และเมื่อดูแรงชดเชยในการดึงตาเข้าของทั้ง 2 ระยะทั้งไกลและใกล้ พบว่าไม่เพียงพอที่จะชดเชยกับปริมาณของค่า Phoria หรือปริมาณการเขออกของตาคนไข้ได้ จึงตัดสินใจที่จะจ่ายแว่นปริซึมเพื่อการรักษา ซึ่งคำนวณตามสูตรการจ่าย Prism คือ

 

Prism = 2/3(Demand) - 1/3(Reserve)

   

พบว่าที่ระยะไกลคนไข้ต้องการปริซึม 0.67 Prism Diopter

และที่ระยะใกล้คนไข้ต้องการปริซึม 6 Prism Diopter

 

จากการวิเคราะห์พบว่า การจ่ายปริซึม 6 Prism Diopter บนเลนส์ Single Vision จะช่วยลดปริมาณ Phoria ของผู้ป่วยได้ทั้งในระยะไกลและระยะใกล้ โดยเป็นค่าที่เหมาะสมตามผลการตรวจและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสัมพันธ์กันทั้งสองระยะ

 

• ปัญหาการเพ่งของเลนส์ตา

เมื่อดูผลจากค่า BCC = 0 ในระยะใกล้คนไข้ไม่ต้องการ Addition ในการช่วยให้เห็นชัดที่ระยะ 40 ซม. ซึ่งเป็นค่าผิดปกติเมื่อเทียบกับอายุ แต่เป็นค่าปกติของคนไข้ที่มีปัญหา Convergence Insufficiency เนื่องจาก คนไข้ที่มีภาวะตาเขออกซ่อนเร้นทั้งระยะไกลและใกล้ จะมีความสามารถในการเหลือบตาเข้าได้ไม่ค่อยดี เวลามองใกล้จึงต้อง พึ่งการทำงานของ accommodation-convergence (AC) มากขึ้นเพื่อช่วยดึงตาเข้าหากัน เมื่อคนไข้พยายามที่จะ fusion หรือรวมภาพในระยะใกล้ จึงต้องใช้ Accommodation หรือการเพ่งที่มากกว่าปกติ ผลการตรวจ BCC จึงออกมาต่ำกว่าปกติได้

 

ค่า NRA ที่คนไข้เพ่งได้เอง +1.50 Diopter และสามารถเพ่งได้อีก -2.25 Diopter เมื่อดูจากค่า PRA ซึ่งเป็นค่าที่ปกติ

 

สรุป

ปัญหาที่คนไข้มีคือ มองไกลขับรถแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายตา ซึ่งเกิดจากปัญหาสายตาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เล็กน้อย และปัญหา Convergence insufficiency ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นมา จึงทำให้คนไข้มีอาการผิดปกติตามที่เล่ามา

 

ค่าสายตาที่จ่ายแว่น

เนื่องจากคนไข้มีปัญหา Convergence Insufficiency ร่วมด้วย จึงจ่ายเป็นแว่นปริซึมเพื่อแก้ไข

OD : -1.00-1.25*95 3 Prism Base In

OS : -1.00-1.00*105 3 Prism Base In

 

ในวันที่มารับแว่นคนไข้มีคำถามหนึ่ง ที่ถามกับขิงนั่นคือ

 

ปริซึม Base In ทำไมถึงต้ององศา 0 และ 180 ?

 

คำถามนี้อาจเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับคนในวิชาชีพที่ควรจะรู้ แต่สำหรับคนทั่วไปที่อยู่นอกวิชาชีพก็ยังคงไม่เข้าใจว่าองศา 0 กับ 180 มันมีที่มาที่ไปอย่างไร

ตามข้อมูลจาก Textbook Ophthalmic lenses โดย Ajay Kumar Bhootra กล่าวไว้ว่า

" The axis starts at zero on the right hand side of

each eye and goes around anti-clockwise from the observer’s point of view. " นั่นคือ

แกนจะเริ่มที่ศูนย์ทางด้านขวาของดวงตาแต่ละข้าง และหมุนไปทางทวนเข็มนาฬิกา จากมุมมองของผู้สังเกต ตามรูปด้านล่างนี้

 

 

ดังนั้นเมื่อเราพูดว่า Prism Base In (BI) → หมายถึง ฐานปริซึมชี้เข้า nasal ของตา → ซึ่งก็คือ

• ตาขวา = Base at 0 องศา

• ตาซ้าย = Base at 180 องศา

 

และเมื่อพูดว่า Prism Base Out (BO) → หมายถึง ฐานปริซึมชี้ออก temporal ของตา → ซึ่งก็คือ

• ตาขวา = Base at 180 องศา

• ตาซ้าย = Base at 0 องศา

 

 

เช่นเดียวกับ Prism ในแนว Vertical

เมื่อพูดว่า Prism Base Up (Bu) → หมายถึง ฐานปริซึมชี้ขึ้นด้านบน ของตา

เมื่อพูดว่า Prism Base Down (Bd) → หมายถึง ฐานปริซึมชี้ลงด้านล่าง ของตา

 

หรือดูตามตัวอย่างในการ์ดเลนส์ของคนไข้เคสนี้ดังนี้

 

 

ข้อมูลที่อยู่บนการ์ด แสดงให้เห็นว่า

ในตาข้างขวา มีค่าสายตาสั้น -1.00 Diopter ค่าสายเอียง -1.25 Diopter ที่องศา 95 | 3 Prism Base In ที่องศา 0

ในตาข้างซ้าย มีค่าสายตาสั้น -1.00 Diopter ค่าสายตาเอียง -1.00 Diopter ที่องศา 105 | 3 Prism Base In ที่องศา 180

 

Single Vision lens Rodenstock รุ่น Perfalit index 1.60

Solitaire Protect Plus 2 X - tra Clean

 

 

 

 

หลังจากรับแว่นขิงได้ติดตามผลการใช้งาน คนไข้แจ้งว่าใส่มาได้ประมาณ 2 อาทิตย์ แว่นใช้งานได้เป็นปกติ อาการไม่สบายตาก่อนเปลี่ยนแว่นดีขึ้นแล้ว

 

 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆท่านที่สนใจ และสำหรับวันนี้ ขิงขอลาไปก่อนหากมีหัวข้อหรือเรื่องที่น่าสนใจ ขิงจะนำมาแชร์และเล่าสู่กันฟังให้ทุกๆท่านได้ศึกษาและอ่านกันต่อไป

ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบมาถึงตรงนี้และขอขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนขิงให้ทำสิ่งดีๆเหล่านี้ตลอดมา

 

 

Content by Worada Saraburin , O.D.

สำหรับท่านใดที่สนใจนัดหมายเข้ารับบริการหรือปรึกษาปัญหา​ ติดต่อได้ที่เบอร์ : 065-949-9550​ ค่ะ​ ????

เปิดให้บริการ : 09.30 - 18.00 น. *หยุดทุกวันพุธ

ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 1-2 ชั่วโมง

หากสนใจทำแว่นกับทางร้าน ใช้เวลาในการสั่งเลนส์และฝนประกอบแว่นประมาณ 2 สัปดาห์

https://maps.app.goo.gl/gmyY7sMyVRx6xvvw9?g_st=ipc

ร้านตั้งอยู่ก่อนถึงปั๊ม PTT Station ปตท. บ้านใหม่ - บางขวัญ

สามารถจอดรถบริเวณหน้าร้านได้เลยค่ะ